สำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคต่อประสบการ์ณ Cold Call และเสียงตอบรับพรบ.ข้อมูลส่วนบุคคลที่กำลังจะมา
Cold Calling คือ การโทรหาคนแปลกหน้าเพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการ ซึ่งเป็นเทคนิคการขายที่เคยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในอดีต แต่อาจถึงคราวอวสานในปีนี้หรือไม่ ? หลังการมาถึงของพรบ.
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่จะมีผลบังคับใช้ 27 พฤษภาคมนี้ ที่จะบังคับให้องค์กรต่างๆต้องขอข้อมูลตรงจากเจ้าของข้อมูลเท่านั้น, ต้องขอความยินยอมก่อนเก็บ/ใช้/เปิดเผยข้อมูล บทความนี้มีความคิดเห็นมากมายจากผู้บริโภคมาบอกค่ะ
บางส่วนจากใจผู้บริโภคที่พิมพ์ตอบมาในแบบสอบถาม
โค้งสุดท้าย 3 เดือนก่อนพรบ.ออก ผลสำรวจเผยให้เห็นว่า
- 82% ของผู้บริโภคกลุ่มนี้เคยได้รับโทรศัพท์ หรือ SMS จากแบรนด์หรือบริษัทที่ไม่เคยให้ข้อมูลเลย
- 49% ประมาณไม่เกินเดือนละ 1-5 ครั้ง
- 21% ได้รับสัปดาห์ละ 1- 5 ครั้ง
- 12% ได้รับมากกว่าวันละ 1 ครั้ง
- มี 18% เท่านั้นที่ไม่เคยได้รับเลย
กว่าครึ่งไม่เคยซื้อเลย !
- 51% ไม่เคยซื้อเลย
- อีก 31% บอกว่าโอกาสซื้อต่ำกว่า 10%
- โอกาสซื้อที่มากกว่า 10% (10-100%) รวมกันทั้งหมดมีแค่ 17%
- ที่น่าแปลกใจ คือ คนที่ไม่เคยได้รับสายเลย ก็ยังตัดสินใจที่จะไม่ซื้อถึง 49% เช่นกัน
แล้วถ้ามีพรบ.ข้อมูลส่วนบุคคลล่ะ ?
Awareness
- 61% ของผู้บริโภครู้เกี่ยวกับพรบ.
- 39% ยังไม่ทราบเกี่ยวกับพรบ.นี้เลย
Acceptance
- ผู้บริโภคเห็นด้วยมาก ( ในอัตรา 9 .1 จาก 10 ) ว่าข้อมูลส่วนบุคคลนั้นสำคัญและเป็นของส่วนตัว ไม่ควรมีการนำไปขาย หรือ ใช้เพื่อการค้าโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
- เห็นด้วยมากกับพรบ.นี้ ( ในอัตรา 9 จาก 10) เท่าๆกันในทุกกลุ่มอาชีพ
- อายุที่มากขึ้นทำให้เห็นด้วยมากขึ้น ตามเทรนด์คือผู้ที่เห็นด้วยน้อยสุดคืออายุต่ำกว่า 20 ปี (นักศึกษา) และผู้ที่เห็นด้วยมากที่สุดอยู่ในช่วงอายุ 40-49 ปี และ 60 ปีขึ้นไป
- 68% คิดว่าพรบ.ข้อมูลส่วนบุคคลนี้ให้ประโยชน์มากกว่าโทษ,
30% ไม่แน่ใจ และมีเพียง 2% ที่เห็นว่ามีโทษมากกว่าประโยชน์
ถ้าเลือกได้
- 49% บอกว่าจะไม่ยินยอมแน่นอนที่จะให้เก็บ/ใช้/เปิดเผยข้อมูลของเค้า (โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริหารระดับสูง)
- 48% บอกจะอ่านรายละเอียดก่อนการยินยอม ถ้าเป็นประโยชน์ก็โอเค
- มีเพียง 2% ที่จะยินยอมแน่นอน
มี Segment หนึ่งที่มีคำตอบเด่นชัดกว่ากลุ่มอื่นๆ
ผู้บริหารระดับสูง กว่า 90% เคยเลือกที่จะไม่ยินยอมให้ใช้ข้อมูล แต่ส่วนใหญ่ก็ยังได้รับโทรศัพท์หรือ SMS เสนอขายสินค้า/บริการมากกว่า 1 ครั้งต่อวัน โอกาสในการซื้อส่วนมากไม่เกิน 10% ส่วนใหญ่ซื้อของออนไลน์บ่อยมากกว่า เป็นสมาชิกที่ต่างๆเยอะมากที่สุด แต่ท่านไม่ชอบกรอกข้อมูลรายได้ ไม่อ่านเงื่อนไขยาวๆ และ มักเลือกที่จะไม่ยินยอมให้เก็บ/ใช้/เปิดเผยข้อมูล ถึงแม้จะยังไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับพรบ.นี้เลยจึงไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับบทลงโทษ แต่ก็เห็นประโยชน์มากกว่าโทษ และมีโอกาสสูงถึง 80% ที่จะใช้สิทธิ์จากพรบ.ใหม่ คือ คัดค้านการเก็บข้อมูล
คำเหล่านี้ผู้บริโภคพิมพ์ออกมาเองในคำถามปลายเปิด และ มี 4 แนวความคิดเห็นหลัก
- 3% รำคาญการโทรมาขายของทั้งที่ไม่เคยให้เบอร์
- 2% อยากให้ประชาสัมพันธ์พรบ.เพิ่ม ให้ผู้บริโภคเข้าใจสิทธิ์ของตน
- 3% อยากให้บังคับใช้เร็วๆ
- 3% อยากให้องค์กรต่างๆปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
การที่ผู้บริโภคให้การตอบรับกับพรบ.นี้เป็นอย่างดี หมายถึงความคาดหวังต่อองค์กรในการเคารพสิทธิ์ หมายถึงการที่องค์กรทำได้ดีเรื่องนี้ จะดึงคะแนนใจจากผู้บริโภคได้มาก หากธุรกิจยังคงต้องขายสินค้าทางโทรศัพท์อยู่ อาจต้องปรับตัวในการใช้ข้อมูล และวิธีการทำการตลาดเป็น Inbound Marketing แทน หรือมีการ Soft Approach ไปทางช่องทางอื่นๆก่อนเพื่อขอ Consent ในการติดต่อ
มีข่าวดีนะคะ ที่ผู้บริโภคยังมีช่องทางไว้ให้เราติดต่อ ก็คือ Email นั่นเอง !
และหากว่าเราเก็บข้อมูลทั้งหมดเป็น First Party Data เพื่อประมวลผลเอง ไม่ได้มีการนำข้อมูลไปขายหรือเปิดเผยให้กับแบรนด์อื่นๆ ก็น่าจะไม่มีปัญหาใดๆเลยค่ะ
จากผลสำรวจ kNOW ของบริษัท Analytist ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดาต้าและการวิจัยทางดิจิตัล ที่ได้สำรวจกับผู้บริโภคชาวไทย 500 คนผ่านทางแบบสอบถามออนไลน์ สำรวจช่วงวันที่ 11-22 ก.พ. 2563 คือ ช่วงเวลาก่อนที่พรบ.จะบังคับใช้จริง 3 เดือน โดยมีจุดประสงค์เพื่อค้นหา Awareness และ Acceptance ของการมีพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมไปถึง Attitude และ Understanding เพื่อเป็นการช่วยองค์กรต่างๆในการเตรียมความพร้อมต่อความคาดหวังที่กำลังจะเกิดในอีก 3 เดือนข้างหน้า
ข้อมูลกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม
อายุ :
กว่า 80% เป็นเจน X และ Y ที่อายุ 30-49 ปี
10% อายุ 20-29 ปี และ 7% อายุ 50-59 ปี
อีก 1% ต่ำกว่า 20 ปี และ 1% 60 ปีขึ้นไป
อาชีพ :
50% เป็นพนักงานบริษัทเอกชน, 24% อาชีพอิสระ,
10% เป็นเจ้าของกิจการ, 10% รับราชการ,
2% เป็นผู้บริหารระดับสูง และ 1% นักศึกษา
ที่อยู่ :
เป็นชาวกทม 58%
และอีก 12 จังหวัดทั่วไทย อาทิ เช่น เชียงใหม่, นครสวรรค์, ระยอง, สงขลา, นครปฐม, เชียงราย เป็นต้น
พฤติกรรมการบริโภค :
กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 64% ช็อปออนไลน์มากกว่า 10 ครั้งใน 1 ปีที่ผ่านมา และ 64% มีการสมัครบัตรสมาชิก/บัตรต่างๆที่ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว 1-10 ครั้ง
เรายังมีบทความเกี่ยวกับ PDPA ที่น่าสนใจอีกมาก คลิกอ่านได้เลยค่ะ
- จริงหรือไม่ ? คนไทยเริ่มห่วงความปลอดภัยในข้อมูลมากขึ้น https://www.analytist.co/blog/personal-privacy-concerned/
- PDPA for consumers https://www.analytist.co/blog/pdpa/</li>
- PDPA for CEOs https://www.analytist.co/blog/pdpa-ready/
- PDPA for Marketers https://www.analytist.co/blog/pdpa-for-marketer/
มาร่วมกัน Building insightful decision-making culture
หากคุณกำลังวางแผนสิ่งใด จงใช้ข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจเสมอ
แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องข้อมูล ? ปรึกษาพวกเราได้ค่ะ
CONTACT US
Have fun discovering !
Analytist Team
Share
Related Posts
February 16, 2021
ข้อควรรู้ก่อนเล่น Clubhouse
Clubhouse กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก และทุกคนก็ชอบในประโยชน์ของแอพมาก……
December 22, 2020
Data Marketing Trends in 2021
สำรวจ Data Marketing Trends ที่กำลังจะมา (หรือมาแล้ว)……
December 22, 2020
พุ่งตัวเข้าสู่ New Normal ปกป้องยอดขายจากภัย COVID-19 ด้วย Data
นักการตลาดที่ดี “ต้องปรับตัวได้ไว” โดยเฉพาะในยุค New Normal กับสถานการณ์โลกที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในทุก ๆ……
December 14, 2020
Hyper-Personalization การตลาดทำน้อย แต่ได้มาก!
Growth.AI สร้างทั้ง Segment และแคมเปญ ได้ภายใน 5 นาที ในเพียงไม่กี่คลิกก็คลิกเปิด-ปิด…
December 14, 2020
Understanding Your Customer Attrition Rate (CAR)
หากคุณเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า และแบ่งกลุ่มลูกค้าได้เหมาะสม คุณก็จะทราบได้ว่าลูกค้ากลุ่มที่หายไปนั้น…
November 29, 2020
จาก “รู้จัก” เป็น “รู้ใจ” ทำอย่างไรให้ลูกค้าตกหลุมรักแบรนด์คุณ
ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นโฆษณาจะคลิก และ……