มาสร้างแคมเปญแบบ Hyper-Personalized กับ Growth.AI
วันนี้เราจะมาดูกันว่าการ ‘สร้างแคมเปญแบบ Hyper-Personalized บน Growth.AI’ มันสะดวก เข้าใจและใช้งานง่าย และเหมาะกับนัดการตลาดที่ฉลาดใช้ Data อย่างไร
ด้วยข้อมูลประกอบจากหลายๆ แหล่ง (Data Sources) อย่างเช่นฐ้านข้อมูลลูกค้าปัจจุบัน (CRM/Customer Database) ข้อมูลผู้มุ่งหวัง และคนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ ใช้งานแอปพลิเคชั่น หรือแม้กระทั้งเป็นรายชื่อลูกค้าที่มาจาก Offline เราสามารถเลือกกำหนดกลุ่มหรือสร้าง Segment เพื่อความชัดเจนและเพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ในการตลาด-การขาย ให้กับลูกค้าและ/หรือผู้มุ่งหวัง ฯลฯ โดยอาศัยข้อมูลพฤติกรรม คุณลักษณะต่างๆ หรือการปฏิสัมพันธ์ระหว่างเขากับผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ของแบรนด์เราได้
โดยคุณสมบัติหนึ่งของ Growth.AI คือให้นักการตลาดเลือกกำหนด Segment ได้อย่างละเอียด ในเพียงไม่กี่คลิก อีกทั้งยังมีวิธีบริหารที่ง่ายแค่ค้นหา หรือคลิกเปิด-ปิด ก็สามารถใช้งาน Segment ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว สร้างทั้ง Segment และแคมเปญ ได้ภายใส 5 นาทีแน่นอน!
💡 เรื่องน่ารู้ : รู้หรือไม่ว่า Growth.AI สามารถให้คุณแบ่งกลุ่มลูกค้าโดยสร้าง Segment ได้อย่างไม่จำกัดจำนวน จะ 5, 10 หรือ 100 segment ก็เป็นไปได้ ที่สำคัญคือ… Segment จะถูกบริหารโดยอัตโนมัติด้วยการเชื่อมต่อข้อมูลของคุณ เช่นตามพฤติกรรมการซื้อ หรือความเป็นไปได้ที่จะคลิกสั่งซื้อ โดยมีการคำนวณอย่างฉลาดด้วยระบบ A.I.
เมื่อกำหนด Segment แล้วเราก็สามารถคลิกเข้าไปสร้างแคมเปญได้เลย ไม่ว่าจะมีหนึ่งหรือร้อย Segment ก็สร้างแคมเปญได้ง่ายๆ ด้วยการ drag & drop ลากองค์ประกอบมาวางต่อๆ กันก็จะได้มาอย่างเช่นภาพนี้
ตัวอย่างหน้า Growth.AI Smart Campaigns
โดยในหนึ่งแคมเปญสามารถประกอบไปด้วยDecisions,Actions และ Conditions ที่เป็นตัวกำหนดให้ระบบเข้าใจและคำนวณสิ่งที่ควรเกิดขึ้น (โปรโมชั่นไหนที่ควรส่งให้ลูกค้า / ข้อความแบบนี้เขียนมาเพื่อลูกค้ากลุ่มไหน / ลูกค้ามีโอกาสกดซื้อมากที่สุดหากได้รับโค้ดส่วนลดตอนกี่โมง / ฯลฯ)
ตัวอย่างการเลือกสร้างแคมเปญด้วย Decisions, Action และ Conditions
ตัวอย่างแคมเปญที่อาศัยข้อกำหนดของ Decisions, Action และ Conditions เพื่อสรรสร้างแคมเปญที่ได้เป็นลูกค้าคงรู้สึกว่าโดนป้ายยาอย่างบอกไม่ถูก เพราะแต่ละสิ่งนั้นอาจตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่มเหลือเกิน
Decisions | Actions | Conditions | |
1 | ลูกค้าคลิกดาวน์โหลดเอกสารบนเว็บไซต์เพื่อศึกษารายละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติม | ส่งอีเมลหรือข้อความชักชวนให้ลูกค้ามาซื้อ 1 วันหลังจากที่ออกจากเว็บไซต์โดยไม่ได้กดซื้อ | หากลูกค้าคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์อีกรอบให้แสดงงเนื้อหาประเภทรีวิวจากลูกค้าจริง เพื่อความน่าเชื่อถือและให้ลูกค้ามั่นใจยิ่งขึ้น |
2 | ลูกค้ากรอกแบบฟอร์มแสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์ | ส่งรายละเอียดแคมเปญการส่งเสริมการขาย รวมถึงส่วนลดพิเศษสำหรับช่วงนั้น ให้ลูกค้าในอีเมล | หากลูกค้าใช้งานบนโทรศัพท์มือถือให้ส่งข้อความไปที่ SMS/LINE แทนเพื่อความง่ายในการเปิด |
3 | ลูกค้าเข้าเว็บไซต์จาก Facebook และคลิกไปทีหน้าบทความ เพื่ออ่านเนื้อหาที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ | กำหนด Scoring สำหรับลูกค้าผู้มุ่งหวังให้มีมูลค่าสูงกว่าคนที่ยังไม่ได้อ่านบทความ และสร้างข้อความพิเศษเมื่อเขาคลิกไปที่หน้าผลิตภัณฑ์ | สร้างโฆษณาแบบ Retargeting ที่แสดงภาพสินค้าที่ลูกค้าสนใจ กรณีลูกค้ายังไม่คลิกซื้อและกลับไปเล่น Facebook อีกครั้งจะได้เห็น |
4 | ลูกค้าดูรีวิวสินค้าบน YouTube แล้วคลิกมาที่แอปพลิเคชั่น เพื่อทำการสั่งซื้อสินค้าชิ้นที่แสดงในรีวิว | ส่ง Notification หรือข้อความไปยัง LINE หรือ Facebook ลูกค้าด้วยโปรโมชั่นพิเศษ | หากเป็นช่วงเดือนเกิดของลูกค้าให้ส่งโปรโมชั่นวันเกิดซึ่งมอบส่วนลดที่สูงกว่าลูกค้าทั่วไป |
5 | หากลูกค้ากลับมาเว็บไซต์ครั้งถัดไปโดยคลิกมาที่ลิงก์หรือหน้าบริการที่เคยใช้มากกว่า 2 ครั้งขึ้นไป (เคยซื้อเป็นประจำ) | ให้แสดงข้อความแนะนำให้ลูกค้าเลือกซื้อแบบ Subscription เพื่อลดขั้นตอนการต้องคลิกเข้ามาซื้อในทุกๆ เดือน | หากลูกค้าเลือกเป็นแบบ Subscription อยู่แล้วให้เสนอแพคเก็จที่สูงกว่าเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้า |
6 | ลูกค้าคลิกไม่ยินยอมให้ติดต่อเพื่อการตลาด | อัพเดทรายชื่อและ Database การส่งข้อความส่งเสริมการขายโดยนำชื่อลูกค้าออก | หากยังเป็นลูกค้าปัจจุบันให้คงข้อมูลลูกค้าไว้ในส่วนที่สามารถติดต่อเรื่องบัญชีหรือธุรกรรมอื่นๆ ได้เพื่อไม่ให้การสื่อสารบกพร่อง |
แค่นี้ก็น่าจะเห็นภาพและเริ่มไอเดียบรรเจิดกันแล้วใช่ไหม
ด้วยโจทย์ของการสร้าง Hyper-Personalized Marketing Campaign ที่ต้องทำให้ลูกค้าสัมผัสได้ว่าแคมเปญการตลาด ข้อความที่ได้รับ หรือโปรโมชั่นที่แบรนด์ส่งให้ถึงนั้น ‘ถูกสร้างมาเพื่อเขาหรือเธอ’ หรือ ‘คนแบบเขา’ โดยเฉพาะ
ทีม Analytist แนะนำว่าแต่ละแบรนด์ ควรทำความเข้าใจและวางแผน Customer Journey รวมถึงพิจารณา touch points ที่สำคัญ (รวมทั้งปัจจุบัน และที่ควรจะมี) ระหว่างแบรนด์เรากับลูกค้าแต่ละกลุ่ม Segment ให้แม่นยำ เพื่อช่วยให้การวางแผนแคมเปญแต่ละครั้งเป็นได้อย่างละเอียดและประสบความสำเร็จ
💡 เรื่องน่ารู้ : Growth.AI สามารถให้คุณสร้างแคมเปญอย่างไม่จำกัด เพื่อให้คุณสามารถ customize บริบทและความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่าง 1-ต่อ-1 อย่างแท้จริง
และนี่ก็คือน้ำจิ้มนิดๆ ของ Growth.AI – Smart Campaign Builder! ถ้าพร้อมแล้ว มาลองสร้างแคมเปญที่ตอบโจทย์ทั้งลูกค้า ทั้งแบรนด์ แบบนี้ก็แฮปปี้แบบ win-win
หากคุณพร้อมแล้วก็สามารถติดต่อทีมงาน Analytist.co เพื่อรับคำแนะนำปรึกษา และมาเริ่มสร้าง Hyper-Personalized Campaign สำหรับลูกค้าของคุณด้วยกัน!
มาร่วมกัน Building insightful decision-making culture
หากคุณกำลังวางแผนสิ่งใด จงใช้ข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจเสมอ
แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องข้อมูล ? ปรึกษาพวกเราได้ค่ะ
CONTACT US
Have fun discovering !
Analytist Team
Share
Related Posts
February 16, 2021
ข้อควรรู้ก่อนเล่น Clubhouse
Clubhouse กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก และทุกคนก็ชอบในประโยชน์ของแอพมาก……
December 22, 2020
Data Marketing Trends in 2021
สำรวจ Data Marketing Trends ที่กำลังจะมา (หรือมาแล้ว)……
December 22, 2020
พุ่งตัวเข้าสู่ New Normal ปกป้องยอดขายจากภัย COVID-19 ด้วย Data
นักการตลาดที่ดี “ต้องปรับตัวได้ไว” โดยเฉพาะในยุค New Normal กับสถานการณ์โลกที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในทุก ๆ……
December 14, 2020
Understanding Your Customer Attrition Rate (CAR)
หากคุณเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า และแบ่งกลุ่มลูกค้าได้เหมาะสม คุณก็จะทราบได้ว่าลูกค้ากลุ่มที่หายไปนั้น…
November 29, 2020
จาก “รู้จัก” เป็น “รู้ใจ” ทำอย่างไรให้ลูกค้าตกหลุมรักแบรนด์คุณ
ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นโฆษณาจะคลิก และ……
November 21, 2020
“Data” ที่ว่ามีมากๆ ยังมีอีกไหม…ที่เราไม่ได้นำมาใช้งาน?
Website Analytics คงไม่ใช่ทุกอย่าง และตอบทุกคำถามที่เรามีได้ แหล่งข้อมูลหรือขุมทรัพย์อื่นๆ "Data"…