Marketing จะเป็นอย่างไร เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไป…ไม่มีอะไรเหมือนเดิม


“COVID-19 ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป”

ทุกคนคงได้ยินประโยคนี้กันจนชินแล้ว

แล้วมันจริงแท้แค่ไหน?

คงพอเข้าใจกันอยู่แล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีเปลี่ยนแปลงด้วยกาลเวลาและการพัฒนาของมนุษย์และเทคโนโลยีอยู่แล้ว จะหนึ่งทศวรรศ – สิบปี – สามเดือน – หนึ่งวัน – 24 ชั่วโมง ก็สามารถมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ในทุกที่ ทุกเวลา

ทุกการเปลี่ยนแปลงก็มักจะมีกระแสต้าน ด้วยความเคยชินหรือความเป็นมาแต่เดิม (Tradition)

องค์กรที่เปลี่ยนช้าหรือเปลี่ยนไม่ทัน ก็จะหมดความสำคัญไป ไม่สามารถแข่งขันในโลกปัจจุบันได้ ส่วนองค์กรที่ไม่เปลี่ยนแปลง ก็อาจไม่มีที่ยืนในโลกอนาคต ‘COVID-19’ แค่มาเป็นตัวแปรที่เร่งกระแสการเปลี่ยนแปลงให้เร็วอย่างหันกลับไม่ทัน
ธุรกิจในยุค ‘COVID-19’ (ขอเรียกสั้นๆ ว่า COVID แล้วกัน เพราะอีกไม่ช้าก็จะผ่านเข้าปี 2021 แล้ว) ปล. นี่เราอยู่กันมาเกือบหนึ่งปีเต็มกับสิ่งนี้แล้วหรือ ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง แต่ COVID โดยลำพัง ไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด เพียงแต่เร่งการเปลี่ยนแปลงให้เกิดภายในพริบตา หากเปรียบเทียบกับอัตราการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมาคงเรียกได้ว่า ‘เร็วที่สุดแล้ว’ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจ ผู้บริหาร พนักงานองค์กรทั่วไป ก็รู้ว่าถ้าไม่ปรับก็คงจะอยู่ไม่ได้

ธรุกิจขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่ สตาร์ทอัพ บริษัทข้ามชาติ รวมถึงองค์กรระดับโลก ล้วนต้อง “ปรับเปลี่ยน” วิธีการปฏิบัติงานของตัวเองในเกือบทุกส่วนขององค์กรเพื่อตอบคำถามเหล่านี้

  • ลูกค้าไปไหนหมด ช่องทางการขายเดิม อยู่ดีๆ ก็ไม่มีลูกค้า
  • Business Model ที่ทำมา จู่ๆ ก็ใช้ไม่ได้แล้ว
  • จะสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าอย่างไร เมื่อไม่สามารถบริการได้เหมือนเดิม
  • แผนการทำงาน 3 ปี 5 ปี ยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า

“แล้วเราจะทำอย่างไร?”

วันนี้ Analytist ได้รวมรวมข้อสรุป 3 ข้อสำคัญ สำหรับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน เพื่อให้เป็นแนวทางสำหรับทุกองค์กร ไม่ว่าจะเล็ก หรือใหญ่ ก็นำไปปรับใช้ได้ไม่อยาก และยังเห็นผลอย่างแน่นอน

1.“จะทำอะไร ต้องได้ ROI”

การลงทุนต้องมีความคุ้มค่า และมั่นใจได้ว่าจะคืนทุนในทุกระยะ เพราะธุรกิจของเราอาจจะถูก Disrupt ให้เปลี่ยนไปเมื่อไหร่ก็ได้ การวางแผนก่อนลงทุนจึงสำคัญมากๆ ก่อนที่จะเลือกลงทุนกับการขยายธุรกิจ เพิ่มพนักงาน ซื้อเครื่องจักรหรืออุปกรณ์เพิ่ม คงต้องศึกษาความเป็นไปได้ รวมถึงการคืนทุนหรือโอกาสสร้างกำไรในระยะที่สั้น (กว่าปกติ) เพื่อลดความเสี่ยงในขณะที่โลกของเราปรับตัวสู่การทำธุรกิจและเศรษฐกิจยุค New Normal

ใช่ว่าทุกหน่วยงานขององค์กรจะสามารถปรับตัวเป็นศูนย์รายได้ (Profit Center) ได้ และใช่ว่าทุกๆ โปรเจคจะมีกำไรตั้งแต่ช่วงแรกที่เปิดตัว แต่ต้องมีการคำนึงถึงดุลยภาพทุกๆ ครั้ง เพื่อมั่นใจได้ว่าบริษัทจะไม่ลงทุนเสียเปล่า

คำถามสำหรับผู้อ่าน:

เราจะสามารถประเมิณผลตอบแทนการลงทุนระยะสั้นได้อย่างไร? และการทำ Forecast ด้วยข้อมูลสถิติในอดีตนั้นสามารถให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำขนาดไหน?

(หากสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือตรงนี้ สามารถปรึกษาทีมงาน Analytist ได้เลย)

2. “XaaS is the new default”

บริการได้ทุกอย่าง-ทุกอย่างคือบริการ แบบ XaaS (‘Anything as a Service’) ในยุค New Normal ที่ทุกคนค้นพบว่า “สั่งได้ ส่งดี Delivery ใช้ได้กับทุกอย่าง” เช่น ทดลองขับรถยนต์ (Test Drive) ก่อนซื้อ จากนัดหมายไปทดลองขับที่โชว์รูมกลายเป็นเทสต์ได้ถึงบ้าน กำลังมองหาซื้อบ้านหรือคอนโด แต่ไม่สะดวกก็ Video Call ดูบ้านตัวอย่างได้ ไม่ต้องจินตนาการจากแค่แปลนบ้านอย่างเดียว การเรียนและการสอน ก็ไม่ต้องเกิดขึ้นในห้องเรียน หรือพร้อมกันอย่างเดียว

ไม่ใช่แค่ส่งอาหาร ทำความสะอาด ส่งเสื้อผ้าซักรีด อีกต่อไป แต่การบริการได้ถูกขยายสู่ธุรกิจที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ (Retail) ก็หันมาตอบโจทย์ลูกค้าที่ไม่สามารถเดินทางได้ หรือต้องการลดการพบปะผู้คน ทุกๆ บริการที่เคยต้องพร้อมทั้ง ผู้ให้บริการ และผู้รับบริการ ก็ปรับตัวเป็น ‘Service on-demand’ พร้อมเมื่อไหร่เรียกใช้ได้เลย กลายเป็นเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า และความอัตโนมัติให้กับธุรกิจ โดย(อาจ)ไม่ได้ตั้งใจ

คำถามสำหรับผู้อ่าน:

มีส่วนไหนขององค์กรที่เราทำให้เป็นบริการได้ หรือมีบริการอะไรที่สามารถนำมาปรับใช้กับองค์กรของเราได้บ้าง?

(หากสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือตรงนี้ สามารถปรึกษาทีมงาน Analytist ได้เลย)

3. “Customer Experience is still king”

ไม่ว่าจะ New หรือ Normal แค่ไหน ประสบการณ์ที่ดีสำหรับลูกค้ายังคงสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการพบลูกค้าต่อหน้าหรือผ่านหน้าจอ  Offline, Virtual ทุกๆ องค์กรก็จำเป็นต้องยกระดับสร้างและต่อยอดประสบการณ์ที่ลูกค้ายังคงคาดหวังว่า ‘ต้อง’ ดีขึ้นเรื่อยๆ

เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป และเพื่อความชัดเจนของลูกค้าแต่กลุ่ม (Segment) หรือแต่ละคน (Personalized) หลายๆ บริษัทหันเข้าสู่ Data เพื่อที่จะเข้าใจและสร้าง Segment ลูกค้าที่ชัดเจนมากขึ้น เข้าใจได้ง่ายขึ้น และตรงกับอุปนิสัยและพฤติกรรมเล็กๆ ที่หากดูเผินๆ อาจไม่เห็นความแตกต่างระหว่างสองกลุ่ม อย่างเช่น ควรส่งข้อความแจ้งเตือนหาลูกค้าในรูปแบบใด ลูกค้าจะตอบรับข้อความส่งเสริมการขายแบบไหนที่เหมาะสำหรับลูกค้าแต่ละคน หรือลูกค้ากลุ่ม A ต้องการการบริการอะไรที่แตกต่างจากกลุ่ม B-C-D เป็นต้น

Analytist แนะนำให้ชาวนักการตลาด และผู้วางแผนธุรกิจอาศัยข้อมูลจากทั้งภายใน และภายนอกบริษัท หลายๆ มิติมาประกอบภาพของ “ลูกค้า” เพราะลูกค้าไม่ได้มีเพียงกลุ่มเดียว และ ‘บริการที่ดี’ ในยุค New Normal นั้นไม่จำเป็นต้องมีเพียงแค่มาตรฐานเดียว

คำถามสำหรับผู้อ่าน:

เราเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปหรือไม่ ภาพของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เราเคยกำหนดไว้ยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า?

(หากสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือตรงนี้ สามารถปรึกษาทีมงาน Analytist ได้เลย)

คงเห็นได้ว่า ข้อมูลหรือ Data เป็นส่วนสำคัญอย่างมากในธุรกิจยุค New Normal เป็นต้นไป ด้วยการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องที่คาดว่าจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทางเรา Analytist ขอแนะนำให้ทุกๆ องค์กร ทุกหน่วยงาน และคนทำงานทุกระดับ ให้ความสำคัญกับการวางแผนพร้อม Data เพื่อ…ปัจจุบันที่ได้มาถึงแล้ว

มาร่วมกัน Building insightful decision-making culture
หากคุณกำลังวางแผนสิ่งใด จงใช้ข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจเสมอ
แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องข้อมูล ? ปรึกษาพวกเราได้ค่ะ

CONTACT US
Have fun discovering !
Analytist Team

Share

Related Posts